วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

กระดาษแผ่นหนึ่ง

การสู้รบการกระดาษก่อนที่จะลงมือก่อนศึกนั้นมีความสำคัญยิ่ง หากในกระดาษยังไม่สามารถหาวิถีแห่งชัยชนะได้ เวลาลงมือทำจริงๆ ก็คงไม่ต่างจากเสือร้ายที่เข้าสู่กับดักที่หาทางออกไม่เจอ

วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556

21/01/56 บทความที่สองของปี

วันนี้ผมรู้สึกว่า ผมควรที่จะบอกอะไรกับตัวของผมเอง หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาที่ตั้งใจหาความรู้ด้วยการอ่านหนังสือ จนถึงช่วงเวลาที่มาบ่มเพราะความคิด วันนี้ 21/01/2556

"นายทำได้ว่ะ"

วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2556

10/1/2556 บทความแรกของปี

               บทความนี้เป็นบทความแรกของผมในปี 2556  ผมได้นั่งคิดย้อนกลับไปในสิ่งที่ผมได้เป็นมา ทำมา และ ผ่านมา ทำให้ผมได้รู้สึกว่า เวลาที่ผ่านไปปีกว่า ๆ นั้น ผมไม่ได้ทำให้มันเต็มที่เท่าไรเลย ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน  ถามว่าได้ทำอะไรบ้างหรือป่าว ทำครับ แต่ไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจเท่าไรน่ะ
รู้สึกความไม่เอาไหนของตัวเองได้อย่างชัดเจน หลังจากที่ได้เข้าวัดทำบุญในปีใหม่ ปีนี้ตั้งใจที่จะเป็นคนใหม่ คนที่ปรับตัวเอาเรื่องเอาราวกับชีวิตของตัวเองเสียที  สิ่งต่างๆ เมื่อมองกลับไปก็เป็นประสบการณ์ที่ทำให้เราเป็นเราในทุกวันนี้ ตั้งแต่ปีใหม่มา ผมซื้อหนังสือที่เกี่ยวข้องกับแรงบันดาลใจและการตลาดเป็นหลัก รวมถึงการนำเสนออย่างมีรูปแบบ เพราะผมมองเห็นความผิดพลาดของตัวเองที่ไม่สามารถสื่อสารความคิดของตัวเองออกมาเพื่อให้คนอื่นได้รับรู้และเข้าใจ ในเรื่องของงาน

ส่วนในเรื่องของความฝันนั้นผมคงไม่ต้องการให้คนอื่นเข้าใจผมสักเท่าไรหรอกครับ เพราะผมรู้ว่าคงไม่มีใครเห็นฝันผมได้ดีกว่าตัวผมเอง ตอนนี้เน้นทำอยู่สามสิ่งอย่างคือ
1. อ่าน 2. สมาธิ 3. ออกกำลัง  ผมว่าผมได้ความคิดอะไรดีๆ จากที่ได้ทำอย่างนี้มาช่วงปีใหม่น่ะครับ

ยิ่งสมาธินี่เป็นอะไรที่ทำให้เราเกิดความคิดดีๆ ขึ้นได้อย่างต่อเนื่องเห็นเป็นเรื่องเป็นราวกันเลยครับ
และมีอีกเรื่องครับ ไม่รู้ได้เขียนลงไปในบล็อกหรือยังคือ ผมต้องสร้างเงื่อนไขให้กับตัวเองครับ ไม่งั้นคงไม่ได้เริ่มทำสักที คือผมออกจากงานประจำครับ  เดือนนี้เป็นเดือนสุดท้ายครับ ตั้งแต่บอกกับทางเจ้านายว่าจะออกจากงาน จวบจนวันนี้ก็เป็นเวลา 4 เดือน ผมคิดอยู่ทุกวันครับจะทำอะไร จะมีเงินหรือป่าว
แต่ความคิดนั้นก็ทำให้มั่นใจด้วยการวางแผนครับ ตอนนี้ผมก็พร้อมที่จะอดมื้อกินมื้อ เพื่อให้งานของตัวเองธุรกิจของตัวเองได้เริ่มก้าวแรกสักที

สำหรับเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านนั้น หากมีโอกาสก็ออกมาทำของตัวเองก็ดีน่ะครับ การที่จะรออายุ 40 - 50 ปีนั้นมันหมดสมัยแล้วครับ  ช่วงนี้พลาดก็ยังมีแรงในการลุกเดินต่อไป

ขอขอบคุณเพื่อนๆ ที่ได้เข้ามาอ่านกันน่ะครับ